พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
พระรอดหนองมน สน...
พระรอดหนองมน สนิมแดง ลพบุรี เลี่ยมทองพร้อมใช้
พระรอดหนองมน สนิมแดง ลพบุรี เลี่ยมทองหนาๆ พร้อมใช้
ณ บริเวณท้องทุ่งนาอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ไพศาลที่มีหมู่บ้านเรียงรายอยุ่ริมทุ่งนาหลายร้อยหลังคาเรือน ในพื้นที่เขตตำบลบางงา อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี หมู่ที่ 12 ห่างจากตัวอำเภอท่าวุ้ง ประมาณ 8 กิโลเมตร ประชาชนที่นั่นทั่วไปทั้งไกลและใกล้ในย่านนั้นเรียกขานหมู่บ้านนั้นว่า "หมู่บ้านหนองมน" เพราะมีวัดหนองมนอันเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งอยู่ในบริเวณหมู่บ้านนั้น
ณ หมู่บ้านแห่งนี้มีวัดอยู่วัดหนึ่ง ซึ่งตั้งเด่นสง่ามีราศรีท่ามกลางหมู่บ้านล้อมรอบขอบขันธสีมา วัดนี้มีชื่อว่า "วัดหนองมน" อันเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งใครเป็นผู้สร้างหรือสร้างเมื่อไรก็คงไม่มีใครตอบถูก เพียงแต่สันนิษฐานว่า คงสร้างขึ้นเมื่อตอนต้นรัตนโกสินทร์นี่เองเพราะจากการที่ผมได้สังเกตดูด้วยตนเองจากพระเจดีย์ก็ดี ตลอดจนกระทั่งเสนาสนะกฏิต่าง ๆ ทั้งของเก่าและของใหม่ได้นำมาเปรียบเทียบกัน ก็เชื่อว่า คงจะสร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ค่อนข้างแน่และเชื่อว่าชาวหนองมน (หรือชาวบางงา) ได้ร่วมใจกันสร้างขึ้น
วัดนี้นี่แหละที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนกำจรกำจายไปทั่วยุทธจักร ก็เพราะมีกรุพระรอดหนองมนอยู่กรุหนึ่งแตกกรุเมื่อปี พ.ศ. 2499 (41 ปีล่วงมาแล้ว) นั่นเอง มีผู้เฒ่าผู้แก่ชาวบ้านบางงาได้กรุณาเล่าประวัติความเป็นมาของ พระรอดหนองมนให้ฟังว่าหลวงตาองค์หนึ่ง (รูปหนึ่ง) เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดหนองมน มีชื่อว่าหลวงตาแขก เป็นผู้ที่นำพระนี้มาจากจังหวัดพิจิตรและนำลงมาครั้งละมาก ๆ (หลายบาตรพระ) การนำมานั้นผู้เขียนเข้าใจว่า จะต้องใส่เรือล่องมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาถึงเมืองสิงห์บุรี มีแม่น้ำลพบุรีผ่านมายังตำบลบางงา และมีลำคลองผ่านจากบางงาไปถึงวัดหนองมนอีกต่อ เพราะถ้านำใส่ย่ามสะพายมาคงจะหนักมาก ผู้ที่จะนำติดตัวมาได้ในระยะไกล ๆ จะต้องไม่เกิน 8 กิโลกรัมต่อระยะทาง 6 กิโลเมตร
การที่หลวงตานำมาหลายบาตรพระนั้นพระคุณท่านคงจะไม่ใส่คอนหาบมาเป็นกองคาราวาน โดยใช้ลูกศิษย์ลูกหาหรือคณะกรรมการเป็นผู้นำเมื่อนำมาแล้วยังทราบว่า หลวงตาท่านได้นำไปเก็บรักษาไว้ยังธรรมาสน์อาสนสงฆ์ ไม่มีใครสนใจเลยเพราะสมัยก่อนนั้น ยังไม่มีการลักขโมยพระเหมือนปัจจุบันนี้
เมื่อหลวงตาแขกได้ถึงแก่มรณภาพ อาจารย์ทองศรี พร้อมด้วยมรรคทายกวัดก็ได้สร้างอนุสาวรีย์เพื่อบรรจุอัฐิก็ได้ตกลงบรรจุพระรอดหนองมนเข้าไปด้วย พระรอดหนองมนจึงอยู่ในหลายที่หลายแห่ง เช่น อยู่ที่ใบเสมาโบสถ์โดยรอบเจดีย์หน้าโบสถ์และอนุสาวรีย์หลังพระอุโบสถ คนที่สร้างอนุสาวรีย์เขาใช้ตะแกรงช้อนปลาครอบลงบนอนุสาวรีย์และทำการโบกปูนปิดไว้จนมิดชิด
พระที่บรรจุในครั้งนั้นก็จะมีพระรอดหนองมน มีพุทธลักษณะหลายพิมพ์ทรง รวมกับพระพุทธรูปทองคำองค์เล็ก ๆ และมีพระหลายชนิดรวมกันอยู่ด้วย เช่น พระปิดตาเนื้อทองแดง 2 องค์ พระเนื้อดินเผาสีดำอันมีลักษณะคล้ายพระคงลำพูนหรือพระหลวงปู่เนียม (สุพรรณบุรี) อยู่ 3 องค์ นอกจากนั้นจะเป็นพระรอดหนองมนพิมพ์ทรงต่าง ๆ กันเช่นพระรอดหนองมนพิมพ์ใหญ่ - พิมพ์กลาง-พิมพ์เล็ก, พระหลวงพ่อโตเนื้อตะกั่วสนิมแดงทั้งพิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่,พระเนื้อตะกั่วสนิมแดงพิมพ์พิจิตรเม็ดน้อยหน่า,พิมพ์พระลำพูนซึ่งเป็นเนื้อตะกั่วสนิมแดง (มีลักษณะเหมือนพระวัดสุวรรณ) แต่มีผิวฝ้ากรุและสนิมไม่เหมือนกันต้องใช้ความสังเกตและนำมาเปรียบเทียบกัน ผิวกรุแบะฝ้ากรุจะขาวนวลกว่ากรุวัดสุวรรณ
ผู้ที่มีพระพิมพ์นี้มากที่สุดคือคุณตี๋คหบดีแห่งท่าโขลง มีพระรอดหนองมนสวยที่สุดหลายพิมพ์ทรงเจ้าของหวงแหนมากและบุคคลนี้แหละที่มีพระหูยานสนิมแดงสวยงามที่สุดในจังหวัดลพบุรีละ
ครั้งแรกพระรอดกรุนี้จะไม่มีสนิมเลยหลังจากฝังกรุนานเข้าก็เกิดปฏิกิริยาทางเคมี (ธรรมชาติ) สภาวะแวดล้อมและความอับชื้น,ไอน้ำ,และหยดเหงื่อภายในกรุที่มีทั้งความร้อนและหนาวทำให้เกิดหยดน้ำขึ้นภายในกรุเหมือนกับเวลาหน้าร้อนเราห่มผ้าเหงื่อจะออกมาฉันใดภายในกรุก็คงจะฉันฉันนั้นเมื่อเหงื่อหรือหยดน้ำธรรมชาติมาถูกองค์พระนานวันเข้า นานเดือนเข้า นานปีเข้า ก็ยิ่งทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างตะกั่วกับน้ำมากขึ้น ท่านที่เคารพลองสังเกตดูจากตะกั่วลูกแหหรืออวนที่แช่อยู่ในน้ำนาน ๆ ซิครับ โดยมากจะเกิดสนิมแดง ถ้าท่านเป็นคนที่ใช้ความสังเกตหน่อย และการเกิดสนิมธรรมชาติจึงผิดกับการเกิดจากการเกิดแบบใช้วิทยาศาสตร์เข้าร่วม และการปลอม คนที่ทำปลอมมักจะใช้น้ำยาเคมีช่วยทั้งสิ้น เพื่อความรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ซึ่งทั้งสองอย่างนี้คล้าย ๆ กัน แต่ไม่เหมือนกับคนที่ทำพระรอดหนองมนได้เป็นอัมพาตไปเสียแล้ว (คนทำพระรอดปลอม)
วันใด เดือนใด ปีใด ไม่ปรากฏการบรรจุเพราะผู้ที่เล่าให้ฟังจำไม่ได้ เพียงแต่รู้ว่าบรรจุเกินกว่า 50 ปี บวกเข้ากับการแตกกรุมาแล้ว 30 ปี รวมเป็น 80 ปี ก็เกือบ ๆ จะร้อยปีเข้าไปแล้ว
สาเหตุที่พบพระรอดนั้น (หรือแตกจากกรุนั้น) เพราะมีชาวบ้านหนองมนคนหนึ่งได้ใช้ถ่อถ่อเรือมาตามท้องทุ่งนาในเวลาน้ำหลากไหลท่วมพื้นที่ (บริเวณวัด) พบมาถึงตรงเจดีย์ชาวบ้านผู้นั้นได้เอาถ่อทิ่มไปถูกซุ้มเสมาของเจดีย์พอดี จะเป็นการจงใจหรือไม่ขอเดาประกอบกับปูนที่โบกไว้ก็หมดอายุเสื่อมสภาพตาอายุกาล พระรอดที่บรรจุไว้เป็นเวลานาน ๆ เข้า ก็แสดงปาฏิหาริย์ไหลลงมาให้เห็นคนที่ว่านี้ก็ได้เก็บพระที่ไหลลงมาใส่เรือ และนำมาแจกจ่ายให้กับคนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกันเป็นจำนวนมากโขทีเดียวแต่ไม่มีคนสนใจกันนัก เพราะสนนราคาค่างวดไม่มีเอาเสียเลย บางคนเอาไปหล่อหัวไม้ตะพด บางคนนำไปเล่นทอยกอง บางคนนำไปทำตะกั่วถ่วงเบ็ดนางรำตกปลาก็มีบางคนโยนทิ้งในสระน้ำ บางคนก็ขว้างขึ้นบนครบโพธิ์ เรียกว่าน่าสงสารท่านเสียจัง
พระรอดหนองมนที่ไม่มีคนสนใจนี่แหละ เริ่มดังขึ้นมาเหนือฟ้าจะแตกเหมือนโลกจะพังก็เพราะทหารกองพันทหารร่มค่ายเอราวัณได้ทำการโดดร่มลงมาจากเครื่องบิน (ใช้พระรอดหนองมนติดตัว) แล้วไม่เคยได้รับอันตรายเลยทั้ง ๆ ที่ควรจะได้รับอันตรายหลายครั้งหลายหนที่ผู้มีพระรอดหนองมนได้เกิดมีปาฏิหารย์ครั้งแล้วครั้งเล่าจนเป็นที่กล่าวขวัญของบรรดานักนิยมพระและหมู่นักโดดร่มแล้วเป็นจำนวนไม่น้อยเลย
ข่าวลือครั้งแรกเลยนั้นของทหารร่มที่ใช้พระรอดหนองมนคล้องคอทำการโดดร่ม เพียงองค์เดียวเท่านั้นคือ จ.ส.อ.สุวรรณ อ้นองอาจ (ครูฝึก) ได้ทำการโดดร่มนำให้นักเรียนโดดตามเป็นคนแรกร่มนั้นเกิดเอ๊กซิเดนท์ไม่กาง ร่างกายของจ่าสุวรรณ ลอยละลิ่วปลิงลงมาสู่พื้นดินด้วยความเสียวสยองพื้นที่นั้นคือป่าไผ่และป่าไม้รวกบนยอดเขาเอราวัณนั่นเอง ร่างของจ่าสุวรรณหล่นลงมากลางป่าไผ่ - ไม้รวกร่มค้างเติ่งติดยอดไผ่ ส่วนตัวของจ่าสุวรรณกระทบกับภูเขา จนกระทั่งขาหัก เจ้าหน้าที่ทุกคนเห็นเหตุการณ์นั้นร้องอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า เฮ้ย เด็ดแน่ๆ (ตายแน่ๆ ว่ะ) ก็ได้วิ่งมาดูกันที่จุดร่มตกเพื่อค้นหา ระหว่างค้นหาบางคนก็กล่าวว่าเฮ้ยตายไหมวะ บางคนก็บอกว่าไม่รู้ว่ะ พูดกันเจี๊ยวจ๊าวไปหมด จนกระทั่งถึงจุดร่มตก จ่าสุวรรณ แกได้สติขึ้นมา ก็ร้องบอกว่า เฮ้ยกูยังไม่ตายและร้องขอความช่วยเหลือเพราะขาหัก ทุกคนโล่งอกที่จ่าไม่ตายและช่วยกันเก็บร่มและนำจ่าลงมาจากยอดเขาและนำส่งโรงพยาบาลต่อไป (ปัจจุบันนี้ จ.ส.อ.สุวรรณ อ้นองอาจปลดเกษียณไปแล้วเป็น พ.ต.สุวรรณ อ้นองอาจ) นี่เแหละครับจะเป็นปาฏิหาริย์ของพระรอดหรือไม่ก็พิจารณาเอาเอง
เรื่องนี้เรื่องจริง และตั้งแต่บัดนี้มาพระรอดหนองมนจึงมีชื่อเสียงและมีคนเสื่อมใสศรัทธามากไม่แพ้พระชนิดอื่น ๆ เลยทีเดียว
และเรื่องต่อไปที่ผมจะนำมาเล่าและกล่าวกับท่านผู้อ่านอย่างย่อ ๆ ก็คือ พลทหารได้ไปปราบ ผกค. (ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์) ได้ถูกพวกก่อการร้ายรุมซัลโวด้วยปืนนานาชนิด แต่แล้วเขาก็รอดตายมาได้เพราะเขาใช้พระรอดหนองมนเช่นกัน เขายังมีชีวิตอยู่สืบถามเขาดูได้
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมจะยกมากล่าวเสียมิได้ คือ เรื่องของ ลูกชายผู้ใหญ่สำเนียง ถูกรถชนที่โคกสำโรงอำเภอโคกสำโรงจังหวัดลพบุรี ผู้โดยสารในรถนั้นปรากกฏว่าตายเรียบ เหลือไว้แต่ลูกผู้ใหญ่สำเนียงเพียงคนเดียวรอดตายมาราวปาฏิหาริย์และขณะที่ยังเจ็บอยู่ค้นพบในกระเป๋าเสื้อพบว่ามีพระรอดหนองมนองค์เดียว ขณะนี้เขายังมีชีวิตอยู่ และเป็นคนบ้านหนองมนด้วย
พระหนองมนแตกกรุ 2 ครั้ง สมัยที่อาจารย์ศรีเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองมน ขณะนี้อาจารย์ศรีอายุ 72 ปี เศษและได้ย้ายจากวัดไปอยู่วัดแคลายทางคลองกระเจา (จักรสีห์) เจ้าอาวาสวัดหนองมนองค์ปัจจุบันคืออาจารย์วงศ์ เป็นชาวบางงานั่นเอง และเป็นพระนักพัฒนารูปหนึ่งที่นำความเจริญมาสู่พุทธศาสนาและประชาชนชาวหนองมนมากขั้นกว่าเดิม
พุทธลักษณะของพระรอด ตลอดจนเนื้อหาสาระของพระกรุนี้ส่วนใหญ่จะเป็นพระเนื้อตะกั่วสนิมแดง สนิมที่จับเกาะองค์พระมักจะเป็นจุด ๆ ไม่เรียบเหมือนทาด้วยสีและมีเนื้ออื่นบ้างเป็นส่วนน้อยรูปร่างคล้ายใบหอกโบราณนั่งสะดุ้งมาร (ปาง) สนิมแดงจัดมาก (ไม่ทุกองค์เสมอไป) มีบางชนิดนั่งสมาธิเรียกว่า หลวงพ่อโต มีทั้งพิมพ์กลางและพิมพ์เล็ก สำหรับพิมพ์พระคง นั้นก็มีเหมือนกับพระวัดสุวรรณ จังหวัดอ่างทองแต่สนิมไม่เหมือนกันผิวคราบฝากรุจะมีสีนวลกว่า ส่วนพิมพ์เม็ดน้อยหน่า นั้นมีน้อยมาก นาน ๆ จะพบ ก็เป็นพระพิมพ์หนึ่งที่อยู่ในกรุหนองมนเหมือนด้วย ดังที่ในภาพที่ท่านได้เห็นนี้องค์พระจะสูงไม่เกิน 3 เซนติเมตรเป็นพระที่เล็กกระทัดรัด น่าใช้เหมาะแก่การให้เป็นของขวัญหรือของกำนัลแต่ผู้มีพระคุณหรือผู้หลักผู้ใหญ่ และเป็นพระที่มากไปด้วยประสบการณ์ยิ่ง
ข้อสังเกตที่สำคัญยิ่งที่เราควรจะจดจำ
ถ้าเป็นพระรอดจะเป็นพิมพ์เล็ก พิมพ์กลาง พิมพ์ใหญ่ จะมีลักษณะเป็นปางมารวิชัย (ตะลึงมาร) หรือเรียกว่าสะดุ้งมารก็ได้เช่นกันเท่านั้น จะไม่มีปางสมาธิ (นอกจากภายหลังคนทำปลอมนำพิมพ์มาถอดใหม่และแต่งพิมพ์เป็นปางสมาธิ)
ในกรุพระรอดมีพระหลายชนิดรวมกันอยู่ เช่น พระพิมพ์หลวงพ่อโต มีทั้งปางสมาธิและสะดุ้งมาร พิมพ์ลำพูนปางสะดุ้งมารและพิมพ์เม็ดน้อยหน่าปางสะดุ้งมาร
เนื้อพระรอดของกรุนี้ โดยมากสร้างด้วยเนื้อตะกั่วแทบทั้งนั้น นอกเหนือจากนี้ไม่ควรจดจำ (เฉพาะกรุนี้เท่านั้น)
ผู้เข้าชม
1831 ครั้ง
ราคา
28,000
สถานะ
มาใหม่
ชื่อร้าน
ศิลาแลง
ร้านค้า
โทรศัพท์
ไอดีไลน์
lit5151 ,chao5151
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารไทยพาณิชย์ / 401-5-74377-8

ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
หมี คุณพระช่วยเจริญสุขholypanyadvmnatthanetRAPINNithiporn
Muthitaอ้วนโนนสูงjochoณัฐฐ์ เสพศิลป์AmuletManvayu
0899373228ภูมิ IRโกหมูchaithawatบ้านพระหลักร้อยtermboon
stp253พระดี46บ้านพระสมเด็จtplasก้อง วัฒนาศิลาแลง
ยอด วัดโพธิ์เทพจิระhoppermanep8600ว.ศิลป์สยามtumlawyer

ผู้เข้าชมขณะนี้ 1060 คน

เพิ่มข้อมูล

พระรอดหนองมน สนิมแดง ลพบุรี เลี่ยมทองพร้อมใช้




  ส่งข้อความ



ชื่อพระเครื่อง
พระรอดหนองมน สนิมแดง ลพบุรี เลี่ยมทองพร้อมใช้
รายละเอียด
พระรอดหนองมน สนิมแดง ลพบุรี เลี่ยมทองหนาๆ พร้อมใช้
ณ บริเวณท้องทุ่งนาอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ไพศาลที่มีหมู่บ้านเรียงรายอยุ่ริมทุ่งนาหลายร้อยหลังคาเรือน ในพื้นที่เขตตำบลบางงา อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี หมู่ที่ 12 ห่างจากตัวอำเภอท่าวุ้ง ประมาณ 8 กิโลเมตร ประชาชนที่นั่นทั่วไปทั้งไกลและใกล้ในย่านนั้นเรียกขานหมู่บ้านนั้นว่า "หมู่บ้านหนองมน" เพราะมีวัดหนองมนอันเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งอยู่ในบริเวณหมู่บ้านนั้น
ณ หมู่บ้านแห่งนี้มีวัดอยู่วัดหนึ่ง ซึ่งตั้งเด่นสง่ามีราศรีท่ามกลางหมู่บ้านล้อมรอบขอบขันธสีมา วัดนี้มีชื่อว่า "วัดหนองมน" อันเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งใครเป็นผู้สร้างหรือสร้างเมื่อไรก็คงไม่มีใครตอบถูก เพียงแต่สันนิษฐานว่า คงสร้างขึ้นเมื่อตอนต้นรัตนโกสินทร์นี่เองเพราะจากการที่ผมได้สังเกตดูด้วยตนเองจากพระเจดีย์ก็ดี ตลอดจนกระทั่งเสนาสนะกฏิต่าง ๆ ทั้งของเก่าและของใหม่ได้นำมาเปรียบเทียบกัน ก็เชื่อว่า คงจะสร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ค่อนข้างแน่และเชื่อว่าชาวหนองมน (หรือชาวบางงา) ได้ร่วมใจกันสร้างขึ้น
วัดนี้นี่แหละที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนกำจรกำจายไปทั่วยุทธจักร ก็เพราะมีกรุพระรอดหนองมนอยู่กรุหนึ่งแตกกรุเมื่อปี พ.ศ. 2499 (41 ปีล่วงมาแล้ว) นั่นเอง มีผู้เฒ่าผู้แก่ชาวบ้านบางงาได้กรุณาเล่าประวัติความเป็นมาของ พระรอดหนองมนให้ฟังว่าหลวงตาองค์หนึ่ง (รูปหนึ่ง) เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดหนองมน มีชื่อว่าหลวงตาแขก เป็นผู้ที่นำพระนี้มาจากจังหวัดพิจิตรและนำลงมาครั้งละมาก ๆ (หลายบาตรพระ) การนำมานั้นผู้เขียนเข้าใจว่า จะต้องใส่เรือล่องมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาถึงเมืองสิงห์บุรี มีแม่น้ำลพบุรีผ่านมายังตำบลบางงา และมีลำคลองผ่านจากบางงาไปถึงวัดหนองมนอีกต่อ เพราะถ้านำใส่ย่ามสะพายมาคงจะหนักมาก ผู้ที่จะนำติดตัวมาได้ในระยะไกล ๆ จะต้องไม่เกิน 8 กิโลกรัมต่อระยะทาง 6 กิโลเมตร
การที่หลวงตานำมาหลายบาตรพระนั้นพระคุณท่านคงจะไม่ใส่คอนหาบมาเป็นกองคาราวาน โดยใช้ลูกศิษย์ลูกหาหรือคณะกรรมการเป็นผู้นำเมื่อนำมาแล้วยังทราบว่า หลวงตาท่านได้นำไปเก็บรักษาไว้ยังธรรมาสน์อาสนสงฆ์ ไม่มีใครสนใจเลยเพราะสมัยก่อนนั้น ยังไม่มีการลักขโมยพระเหมือนปัจจุบันนี้
เมื่อหลวงตาแขกได้ถึงแก่มรณภาพ อาจารย์ทองศรี พร้อมด้วยมรรคทายกวัดก็ได้สร้างอนุสาวรีย์เพื่อบรรจุอัฐิก็ได้ตกลงบรรจุพระรอดหนองมนเข้าไปด้วย พระรอดหนองมนจึงอยู่ในหลายที่หลายแห่ง เช่น อยู่ที่ใบเสมาโบสถ์โดยรอบเจดีย์หน้าโบสถ์และอนุสาวรีย์หลังพระอุโบสถ คนที่สร้างอนุสาวรีย์เขาใช้ตะแกรงช้อนปลาครอบลงบนอนุสาวรีย์และทำการโบกปูนปิดไว้จนมิดชิด
พระที่บรรจุในครั้งนั้นก็จะมีพระรอดหนองมน มีพุทธลักษณะหลายพิมพ์ทรง รวมกับพระพุทธรูปทองคำองค์เล็ก ๆ และมีพระหลายชนิดรวมกันอยู่ด้วย เช่น พระปิดตาเนื้อทองแดง 2 องค์ พระเนื้อดินเผาสีดำอันมีลักษณะคล้ายพระคงลำพูนหรือพระหลวงปู่เนียม (สุพรรณบุรี) อยู่ 3 องค์ นอกจากนั้นจะเป็นพระรอดหนองมนพิมพ์ทรงต่าง ๆ กันเช่นพระรอดหนองมนพิมพ์ใหญ่ - พิมพ์กลาง-พิมพ์เล็ก, พระหลวงพ่อโตเนื้อตะกั่วสนิมแดงทั้งพิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่,พระเนื้อตะกั่วสนิมแดงพิมพ์พิจิตรเม็ดน้อยหน่า,พิมพ์พระลำพูนซึ่งเป็นเนื้อตะกั่วสนิมแดง (มีลักษณะเหมือนพระวัดสุวรรณ) แต่มีผิวฝ้ากรุและสนิมไม่เหมือนกันต้องใช้ความสังเกตและนำมาเปรียบเทียบกัน ผิวกรุแบะฝ้ากรุจะขาวนวลกว่ากรุวัดสุวรรณ
ผู้ที่มีพระพิมพ์นี้มากที่สุดคือคุณตี๋คหบดีแห่งท่าโขลง มีพระรอดหนองมนสวยที่สุดหลายพิมพ์ทรงเจ้าของหวงแหนมากและบุคคลนี้แหละที่มีพระหูยานสนิมแดงสวยงามที่สุดในจังหวัดลพบุรีละ
ครั้งแรกพระรอดกรุนี้จะไม่มีสนิมเลยหลังจากฝังกรุนานเข้าก็เกิดปฏิกิริยาทางเคมี (ธรรมชาติ) สภาวะแวดล้อมและความอับชื้น,ไอน้ำ,และหยดเหงื่อภายในกรุที่มีทั้งความร้อนและหนาวทำให้เกิดหยดน้ำขึ้นภายในกรุเหมือนกับเวลาหน้าร้อนเราห่มผ้าเหงื่อจะออกมาฉันใดภายในกรุก็คงจะฉันฉันนั้นเมื่อเหงื่อหรือหยดน้ำธรรมชาติมาถูกองค์พระนานวันเข้า นานเดือนเข้า นานปีเข้า ก็ยิ่งทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างตะกั่วกับน้ำมากขึ้น ท่านที่เคารพลองสังเกตดูจากตะกั่วลูกแหหรืออวนที่แช่อยู่ในน้ำนาน ๆ ซิครับ โดยมากจะเกิดสนิมแดง ถ้าท่านเป็นคนที่ใช้ความสังเกตหน่อย และการเกิดสนิมธรรมชาติจึงผิดกับการเกิดจากการเกิดแบบใช้วิทยาศาสตร์เข้าร่วม และการปลอม คนที่ทำปลอมมักจะใช้น้ำยาเคมีช่วยทั้งสิ้น เพื่อความรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ซึ่งทั้งสองอย่างนี้คล้าย ๆ กัน แต่ไม่เหมือนกับคนที่ทำพระรอดหนองมนได้เป็นอัมพาตไปเสียแล้ว (คนทำพระรอดปลอม)
วันใด เดือนใด ปีใด ไม่ปรากฏการบรรจุเพราะผู้ที่เล่าให้ฟังจำไม่ได้ เพียงแต่รู้ว่าบรรจุเกินกว่า 50 ปี บวกเข้ากับการแตกกรุมาแล้ว 30 ปี รวมเป็น 80 ปี ก็เกือบ ๆ จะร้อยปีเข้าไปแล้ว
สาเหตุที่พบพระรอดนั้น (หรือแตกจากกรุนั้น) เพราะมีชาวบ้านหนองมนคนหนึ่งได้ใช้ถ่อถ่อเรือมาตามท้องทุ่งนาในเวลาน้ำหลากไหลท่วมพื้นที่ (บริเวณวัด) พบมาถึงตรงเจดีย์ชาวบ้านผู้นั้นได้เอาถ่อทิ่มไปถูกซุ้มเสมาของเจดีย์พอดี จะเป็นการจงใจหรือไม่ขอเดาประกอบกับปูนที่โบกไว้ก็หมดอายุเสื่อมสภาพตาอายุกาล พระรอดที่บรรจุไว้เป็นเวลานาน ๆ เข้า ก็แสดงปาฏิหาริย์ไหลลงมาให้เห็นคนที่ว่านี้ก็ได้เก็บพระที่ไหลลงมาใส่เรือ และนำมาแจกจ่ายให้กับคนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกันเป็นจำนวนมากโขทีเดียวแต่ไม่มีคนสนใจกันนัก เพราะสนนราคาค่างวดไม่มีเอาเสียเลย บางคนเอาไปหล่อหัวไม้ตะพด บางคนนำไปเล่นทอยกอง บางคนนำไปทำตะกั่วถ่วงเบ็ดนางรำตกปลาก็มีบางคนโยนทิ้งในสระน้ำ บางคนก็ขว้างขึ้นบนครบโพธิ์ เรียกว่าน่าสงสารท่านเสียจัง
พระรอดหนองมนที่ไม่มีคนสนใจนี่แหละ เริ่มดังขึ้นมาเหนือฟ้าจะแตกเหมือนโลกจะพังก็เพราะทหารกองพันทหารร่มค่ายเอราวัณได้ทำการโดดร่มลงมาจากเครื่องบิน (ใช้พระรอดหนองมนติดตัว) แล้วไม่เคยได้รับอันตรายเลยทั้ง ๆ ที่ควรจะได้รับอันตรายหลายครั้งหลายหนที่ผู้มีพระรอดหนองมนได้เกิดมีปาฏิหารย์ครั้งแล้วครั้งเล่าจนเป็นที่กล่าวขวัญของบรรดานักนิยมพระและหมู่นักโดดร่มแล้วเป็นจำนวนไม่น้อยเลย
ข่าวลือครั้งแรกเลยนั้นของทหารร่มที่ใช้พระรอดหนองมนคล้องคอทำการโดดร่ม เพียงองค์เดียวเท่านั้นคือ จ.ส.อ.สุวรรณ อ้นองอาจ (ครูฝึก) ได้ทำการโดดร่มนำให้นักเรียนโดดตามเป็นคนแรกร่มนั้นเกิดเอ๊กซิเดนท์ไม่กาง ร่างกายของจ่าสุวรรณ ลอยละลิ่วปลิงลงมาสู่พื้นดินด้วยความเสียวสยองพื้นที่นั้นคือป่าไผ่และป่าไม้รวกบนยอดเขาเอราวัณนั่นเอง ร่างของจ่าสุวรรณหล่นลงมากลางป่าไผ่ - ไม้รวกร่มค้างเติ่งติดยอดไผ่ ส่วนตัวของจ่าสุวรรณกระทบกับภูเขา จนกระทั่งขาหัก เจ้าหน้าที่ทุกคนเห็นเหตุการณ์นั้นร้องอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า เฮ้ย เด็ดแน่ๆ (ตายแน่ๆ ว่ะ) ก็ได้วิ่งมาดูกันที่จุดร่มตกเพื่อค้นหา ระหว่างค้นหาบางคนก็กล่าวว่าเฮ้ยตายไหมวะ บางคนก็บอกว่าไม่รู้ว่ะ พูดกันเจี๊ยวจ๊าวไปหมด จนกระทั่งถึงจุดร่มตก จ่าสุวรรณ แกได้สติขึ้นมา ก็ร้องบอกว่า เฮ้ยกูยังไม่ตายและร้องขอความช่วยเหลือเพราะขาหัก ทุกคนโล่งอกที่จ่าไม่ตายและช่วยกันเก็บร่มและนำจ่าลงมาจากยอดเขาและนำส่งโรงพยาบาลต่อไป (ปัจจุบันนี้ จ.ส.อ.สุวรรณ อ้นองอาจปลดเกษียณไปแล้วเป็น พ.ต.สุวรรณ อ้นองอาจ) นี่เแหละครับจะเป็นปาฏิหาริย์ของพระรอดหรือไม่ก็พิจารณาเอาเอง
เรื่องนี้เรื่องจริง และตั้งแต่บัดนี้มาพระรอดหนองมนจึงมีชื่อเสียงและมีคนเสื่อมใสศรัทธามากไม่แพ้พระชนิดอื่น ๆ เลยทีเดียว
และเรื่องต่อไปที่ผมจะนำมาเล่าและกล่าวกับท่านผู้อ่านอย่างย่อ ๆ ก็คือ พลทหารได้ไปปราบ ผกค. (ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์) ได้ถูกพวกก่อการร้ายรุมซัลโวด้วยปืนนานาชนิด แต่แล้วเขาก็รอดตายมาได้เพราะเขาใช้พระรอดหนองมนเช่นกัน เขายังมีชีวิตอยู่สืบถามเขาดูได้
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมจะยกมากล่าวเสียมิได้ คือ เรื่องของ ลูกชายผู้ใหญ่สำเนียง ถูกรถชนที่โคกสำโรงอำเภอโคกสำโรงจังหวัดลพบุรี ผู้โดยสารในรถนั้นปรากกฏว่าตายเรียบ เหลือไว้แต่ลูกผู้ใหญ่สำเนียงเพียงคนเดียวรอดตายมาราวปาฏิหาริย์และขณะที่ยังเจ็บอยู่ค้นพบในกระเป๋าเสื้อพบว่ามีพระรอดหนองมนองค์เดียว ขณะนี้เขายังมีชีวิตอยู่ และเป็นคนบ้านหนองมนด้วย
พระหนองมนแตกกรุ 2 ครั้ง สมัยที่อาจารย์ศรีเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองมน ขณะนี้อาจารย์ศรีอายุ 72 ปี เศษและได้ย้ายจากวัดไปอยู่วัดแคลายทางคลองกระเจา (จักรสีห์) เจ้าอาวาสวัดหนองมนองค์ปัจจุบันคืออาจารย์วงศ์ เป็นชาวบางงานั่นเอง และเป็นพระนักพัฒนารูปหนึ่งที่นำความเจริญมาสู่พุทธศาสนาและประชาชนชาวหนองมนมากขั้นกว่าเดิม
พุทธลักษณะของพระรอด ตลอดจนเนื้อหาสาระของพระกรุนี้ส่วนใหญ่จะเป็นพระเนื้อตะกั่วสนิมแดง สนิมที่จับเกาะองค์พระมักจะเป็นจุด ๆ ไม่เรียบเหมือนทาด้วยสีและมีเนื้ออื่นบ้างเป็นส่วนน้อยรูปร่างคล้ายใบหอกโบราณนั่งสะดุ้งมาร (ปาง) สนิมแดงจัดมาก (ไม่ทุกองค์เสมอไป) มีบางชนิดนั่งสมาธิเรียกว่า หลวงพ่อโต มีทั้งพิมพ์กลางและพิมพ์เล็ก สำหรับพิมพ์พระคง นั้นก็มีเหมือนกับพระวัดสุวรรณ จังหวัดอ่างทองแต่สนิมไม่เหมือนกันผิวคราบฝากรุจะมีสีนวลกว่า ส่วนพิมพ์เม็ดน้อยหน่า นั้นมีน้อยมาก นาน ๆ จะพบ ก็เป็นพระพิมพ์หนึ่งที่อยู่ในกรุหนองมนเหมือนด้วย ดังที่ในภาพที่ท่านได้เห็นนี้องค์พระจะสูงไม่เกิน 3 เซนติเมตรเป็นพระที่เล็กกระทัดรัด น่าใช้เหมาะแก่การให้เป็นของขวัญหรือของกำนัลแต่ผู้มีพระคุณหรือผู้หลักผู้ใหญ่ และเป็นพระที่มากไปด้วยประสบการณ์ยิ่ง
ข้อสังเกตที่สำคัญยิ่งที่เราควรจะจดจำ
ถ้าเป็นพระรอดจะเป็นพิมพ์เล็ก พิมพ์กลาง พิมพ์ใหญ่ จะมีลักษณะเป็นปางมารวิชัย (ตะลึงมาร) หรือเรียกว่าสะดุ้งมารก็ได้เช่นกันเท่านั้น จะไม่มีปางสมาธิ (นอกจากภายหลังคนทำปลอมนำพิมพ์มาถอดใหม่และแต่งพิมพ์เป็นปางสมาธิ)
ในกรุพระรอดมีพระหลายชนิดรวมกันอยู่ เช่น พระพิมพ์หลวงพ่อโต มีทั้งปางสมาธิและสะดุ้งมาร พิมพ์ลำพูนปางสะดุ้งมารและพิมพ์เม็ดน้อยหน่าปางสะดุ้งมาร
เนื้อพระรอดของกรุนี้ โดยมากสร้างด้วยเนื้อตะกั่วแทบทั้งนั้น นอกเหนือจากนี้ไม่ควรจดจำ (เฉพาะกรุนี้เท่านั้น)
ราคาปัจจุบัน
28,000
จำนวนผู้เข้าชม
1832 ครั้ง
สถานะ
มาใหม่
โดย
ชื่อร้าน
ศิลาแลง
URL
เบอร์โทรศัพท์
0948699874
ID LINE
lit5151 ,chao5151
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
2. ธนาคารไทยพาณิชย์ / 401-5-74377-8




กำลังโหลดข้อมูล

หน้าแรกลงพระฟรี